วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โครงงานภูมิปัญญาท้องถิ่น (การทำขนมตาล)

 

บทคัดย่อ

ขนมตาล   เป็นขนมไทยแท้ดั้งเดิม และเริ่มหาซื้อรับประทานยากขึ้น ตามจำนวนของต้นตาลที่นับวันจะลดน้อยลงไป ความเด่นของขนมตาล อยู่ที่ความหอมหวลของน้ำคั้นจากผลตาลสุกงอม   ความหวานมันที่ได้จาก มะพร้าวขูดเป็นเส้นโรยอยู่หน้าขนม   ว่ากันว่าที่ใดมีต้นตาลที่นั่นต้องมี ขนมตาล   เพราะต้นตาลเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ประโยชน์กับคนไทยมากมาย นับแต่ลูกตาลเนื้อนิ่มใสหวานชื่นใจ ที่จะรับประทานสด ๆ หรือนำไปเชื่อม รับประทานกับน้ำแข็งก็อร่อยไม่แพ้กัน    จาวตาล หรือส่วนที่อยู่ด้านใน ของเมล็ดตาลที่แก่จัด เฉาะเอามาเชื่อมกับน้ำตาลก็รับประทานได้   แถมน้ำ หวานที่ได้จากงวงตาลก็นำมาทำน้ำตาลโตนด ที่มีความหอมและหวาน แหลมอย่างที่น้ำตาลทรายก็สู้ไม่ได้ คนไทยนิยมเอามาปรุงอาหารไทย

การทำขนมหวานไทยให้ดี ต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง คือ ต้องมีใจรัก ชอบทำมีความอดทนตั้งใจมีความพิถีพิถันในการประดิษฐ์ให้ขนมมีรูปร่างที่น่ารับประทาน ขนมหวานไทยบางชนิดต้องฝึกทำหลายๆ ครั้งจึงจะได้ลักษณะที่ดี ประสบการณ์ และความชำนาญในการทำบ่อย ๆ ผู้ประกอบขนมหวานไทย จะประสบความสำเร็จในการทำ

 
กิตติกรรมประกาศ
            โครงงานเล่มนี้จะสำเร็จไปมิได้หากไม่ได้รับความสนับสนุน และคำปรึกษาจาก    อาจารย์พรทิพย์    มหันตมรรค   และขอขอบพระคุณ คุณปราณี   พรหมทอง  และผู้ปกครองที่คอยเป็นกำลังใจ จนโครงงานเล่มนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  หากเนื้อหาในโครงงานเล่มนี้มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้    ที่นี้ด้วย
บทที่  1
บทนำ
แนวคิดที่มาและความสำคัญ
สืบเนื่องมาจากมีความชื่นชอบในขนมตาล  ซึ่งในปัจจุบันขนมตาลเป็นขนมที่หากินได้ยากและกระบวนการทำส่วนผสมมีความยุ่งยาก   ส่วนต้นทุนในการลงทุนสูงแต่ได้กำไรน้อย  เพราะส่วนมากในกลุ่มลูกค้าโดยทั่วไปจะเป็นผู้สูงอายุ  แต่เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่นิยมบริโภคขนมตาลเพราะไม่ทราบว่ามันคือขนมอะไร  รสชาติเป็นยังไง  และรูปลักษณ์การบรรจุภัณฑ์ไม่น่าดึงดูดใจเหมือนขนมขบเคี้ยวทั่วไป  จึงทำให้ดิฉันมีความสนใจในการทำโครงงานเรื่องการทำขนมตาลเพื่ออนุรักษ์การทำขนมไทยและเพื่อเป็นประโยชน์ในการประการอาชีพ
 
วัตถุประสงค์
1.จัดทำขึ้นเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดการทำขนมตาล
2.จัดทำขึ้นเพื่อได้รู้วิธีการทำขนมตาล
3.สามารถนำไปเผื่อแพร่ให้กับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับวิธีการทำ
หลักการและทฤษฎี
            เนื่องจากเด็กไทยสมัยนี้มีความนิยมจากชาติตะวันตกมากจนเกินไป  จนลืมไปความเป็นไทยว่าไทยเราก็มีของดีเยอะมากมาย เช่น เสื้อผ้าการแต่งกาย  สถานที่ท่องเที่ยว  และอาหารไทย (ขนมตาล)  ข้าพเจ้าได้มองเห็นความสำคัญของอาหารไทย(ขนมตาล)   จึงได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพื่อที่จะสืบทอดของไทย
ขอบเขตของโครงงาน
            1.ศึกษาค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ต
            2.ศึกษาค้นคว้าจาก คุณปราณี พรหมทอง
 
สถานที่
ต.ปากน้ำ         อ.เมือง             จ.กระบี่
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้ทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น
2.ได้มีประสบการณ์ในการลงพื้นที่ได้มากขึ้นกว่าเดิม
3.ได้รักษาอรุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นนี้ไว้เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลัง
4.ได้ใช้เวลาว่างให้เกินประโยชน์
5.เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่สนใจ
6.เพื่อฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
บทที่  2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
จากบทสัมภาษณ์
คุณปราณี         พรหมทอง
            ขนมตาลเป็นขนมที่มีรสชาติหวาน  มัน  ขั้นตอนในการทำนั้นมีความยากพอสมควร  ปัจจุบันขนมตาลจะหานำมารับประทานนั้นก็ยากขึ้น เพราะวัตถุดิบในการทำเริ่มมีปริมาณลดลง  และคนที่ทำขายส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ  เด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ก็ไม่ค่อยนิยมซื้อไปบริโภค  อาจเพราะเหตุว่า เป็นขนมที่ไม่ทันสมัย จึงไม่นิยมบริโภค
วัตถุดิบในการทำ
1. ลูกตาลสุก               2. ข้าวสารเก่า              3. แป้ง             4. น้ำตาลทราย
 
            5. หัวกะทิ                    6. มะพร้าวทึกขูดฝอย              7. เกลือป่น
บทที่  3
วิธีการดำเนินงาน
วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า
            การศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาค้นคว้าตามลำดับดังต่อไปนี้
1.  ขั้นศึกษาข้อมูล
1.1  ขั้นสำรวจและศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยการสำรวจและศึกษาเอกสารที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำขนมตาล
                         1.2  ศึกษาวัตถุดิบและส่วนประกอบการทำขนมตาล
2. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
2.1 ได้มีการเก็บรวมรวมข้อมูลจากการสำรวจและศึกษาจากเอกสารที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำขนมตาล
2.2 ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากการได้สังเกต และสัมภาษณ์
3. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาศึกษา และวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์และเรียบเรียงนำเสนอในเชิงความเรียง
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต
 
            1. ลูกตาลสุก
            2. ข้าวสารเก่า
            3. แป้ง
            4. น้ำตาลทราย
            5. หัวกะทิ
6. มะพร้าวทึกขูดฝอย
7. เกลือป่น
 
บทที่  4
ผลการศึกษา
ขั้นตอนการผลิต
1. อันดับแรกต้องลอกเปลือกลูกตาลออกให้หมด แล้วขูดเอาเนื้อสีเหลืองออก ตัวลูกตาลแช่น้ำไว้จนเนื้อลูกตาลละลายออกหมด ใช้ผ้าห่อเนื้อลูกตาล และน้ำที่ละลายผูกมัดปากรวมไว้ให้แน่นแขวนหรือทับไว้ให้แห้ง
ลูกตาลสุก ล้าง ปอก ขูดเนื้อตาลออก


เนื้อตาลที่ได้ ส่วนเมล็ดตาลนำไปขยำกับน้ำให้เนื้อออกให้

 
กรองด้วยกระชอน แล้วกรองด้วยถุงผ้าขาวหนา  แขวนไว้ให้น้ำตกจนหมด ทำก่อนใช้ 1 คืน

2. โม่ข้าวสารที่แช่น้ำไว้ให้ละเอียด แล้วทับให้แห้ง
3. จากนั้นผสมข้าวสารที่โม่และทับจนแห้งแล้ว รวมกับแป้งท้าวยายม่อม และลูกตาลที่ทับจนแห้งแล้วนวดส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกันจนแป้งที่ผสมเนียนและนุ่มมือ(ประมาณ 30-60 นาที)ใส่น้ำตาลสลับกับหัวกะทิ นวดจนหัวกะทิและน้ำตาล ละลายหมด พักไว้ประมาณ 5-10 ชั่วโมง


นำเนื้อตาลที่ได้มานวดกับแป้งแล้วเติมกะทิ(ผสมกับน้ำตาลทรายตั้งไฟให้เดือดพักให้เย็น)



นวดเนื้อลูกตาลกับแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน แล้วค่อยๆเติมกะทิที่เคี่ยวไว้จนหมด 

เมื่อเติมกะทิจนหมดได้ลักษณะดังภาพ ปิดฝาพักไว้ 4-5 ชั่วโมงจนขึ้นฟู (เป็นฟองปุดๆๆ)
4. ขั้นตอนรองสุดท้ายให้ตักแป้งที่ผสมแล้วใส่กระทงหรือถ้วยตะไล โรยมะพร้าว แล้วนึ่งให้สุกยกลงถ้าใส่ถ้วยตะไลรอให้เย็นก่อนแล้วจึงนำออกจากถ้วยจัดใส่ภาชนะ

 
บทที่  5
สรุปผลการศึกษา
การวิจัยเรื่องการทำขนมตาล ทำให้ได้รู้ถึงรู้หลักวิธีการทำ และวัฒนธรรมการการอนุรักษ์ของชุมชนในท้องถิ่นภาคใต้อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สมควรรับการส่งเสริม และอนุรักษ์ตลอดไป
จากการศึกษาพบว่า ขนมตาล เป็นขนมไทยที่นิยมกินกันมาตั้งแต่โบราณ โดยให้นำสิ่งแวดล้อมความเป็นธรรมชาติมาพัฒนาปรับปรุง เพื่อให้เข้ากับชุมชน  การทำขนมตาลเป็นอีกภูมิปัญญาหนึ่งที่เราควร อนุรักษ์ถึงวัฒนธรรมของชุมชน ที่ได้สะท้อนความเป็นอยู่ของชาวบ้านในท้องถิ่นตามที่ผู้วิจัยได้ทำการศึกษา
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ได้ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทำขนมตาล
2. เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของท้องถิ่น
3. .ทราบว่าท้องถิ่นใด ที่ยังมีความนิยมขนมตาลอยู่
 
ข้อเสนอแนะ
การวิจัยเรื่อง ขนมตาล เพื่อประกอบการศึกษาข้อมูล ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
            1. ข้อเสนอแนะทั่วไป
1.1  ควรจะนำผลจากการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ไปปรับใช้  หรือบอกต่อคนในชุมชนอื่นๆที่สนใจเพื่อการอนุรักษ์  และสืบสานต่อไป
1.2  ควรจะนำผลการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้เผยแพร่ให้กับบุคคลที่สนใจ เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุง เพื่อให้เข้ากับชุมชน
2. ข้อเสนอแนะเพื่อการทำวิจัยครั้งต่อไป
2.1  ควรจะได้ศึกษา รูปแบบวิถีชีวิตว่าการประกอบอาชีพเป็นอย่างไร และควรจะศึกษาข้อแตกต่างจากหลายๆชุมชนเพิ่มเติม


วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การทำขนมตาล


 
 
 
การทำขนมตาล
 
ขนมตาล   เป็นขนมไทยแท้ดั้งเดิม และเริ่มหาซื้อรับประทานยากขึ้น ตามจำนวนของต้นตาลที่นับวันจะลดน้อยลงไป ความเด่นของขนมตาล อยู่ที่ความหอมหวลของน้ำคั้นจากผลตาลสุกงอม   ความหวานมันที่ได้จาก มะพร้าวขูดเป็นเส้นโรยอยู่หน้าขนม   ว่ากันว่าที่ใดมีต้นตาลที่นั่นต้องมี ขนมตาล   เพราะต้นตาลเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ประโยชน์กับคนไทยมากมาย นับแต่ลูกตาลเนื้อนิ่มใสหวานชื่นใจ ที่จะรับประทานสด ๆ หรือนำไปเชื่อม รับประทานกับน้ำแข็งก็อร่อยไม่แพ้กัน    จาวตาล หรือส่วนที่อยู่ด้านใน ของเมล็ดตาลที่แก่จัด เฉาะเอามาเชื่อมกับน้ำตาลก็รับประทานได้   แถมน้ำ หวานที่ได้จากงวงตาลก็นำมาทำน้ำตาลโตนด ที่มีความหอมและหวาน แหลมอย่างที่น้ำตาลทรายก็สู้ไม่ได้ คนไทยนิยมเอามาปรุงอาหารไทย
ส่วนผสมการทำขนมตาล
1. )           ลูกตาลสุก                    1        ผล
2.)            ข้าวสารเก่า                   2       ถ้วยตวง
3. )           แป้งท้าวยายม่อม         1/4     ถ้วยตวง
4.)            น้ำตาลทราย                 2       ถ้วยตวง
5.)            หัวกะทิ                         2       ถ้วยตวง
6.)            มะพร้าวทึกขูดฝอย       2       ถ้วยตวง
7.)            เกลือป่น                       1        ช้อนชา
 
ขั้นตอนการทำขนมตาล
1. อันดับแรกต้องลอกเปลือกลูกตาลออกให้หมด แล้วขูดเอาเนื้อสีเหลืองออก ตัวลูกตาลแช่น้ำไว้จนเนื้อลูกตาลละลายออกหมด ใช้ผ้าห่อเนื้อลูกตาล และน้ำที่ละลายผูกมัดปากรวมไว้ให้แน่นแขวนหรือทับไว้ให้แห้ง
 
 
ลูกตาลสุก ล้าง ปอก ขูดเนื้อตาลออก
 
 
เนื้อตาลที่ได้ ส่วนเมล็ดตาลนำไปขยำกับน้ำให้เนื้อออกให้หมด 
 
      
กรองด้วยกระชอน แล้วกรองด้วยถุงผ้าขาวหนา  แขวนไว้ให้น้ำตกจนหมด ทำก่อนใช้ 1 คืน
 
2. โม่ข้าวสารที่แช่น้ำไว้ให้ละเอียด แล้วทับให้แห้ง
3.
จากนั้นผสมข้าวสารที่โม่และทับจนแห้งแล้ว รวมกับแป้งท้าวยายม่อม และลูกตาลที่ทับจนแห้งแล้วนวดส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกันจนแป้งที่ผสมเนียนและนุ่มมือ ( ประมาณ  30-60 นาที ) ใส่น้ำตาลสลับกับหัวกะทิ นวดจนหัวกะทิและน้ำตาล ละลายหมด พักไว้ประมาณ  5-10  ชั่วโมง
 

นำเนื้อตาลที่ได้มานวดกับแป้งแล้วเติมกะทิ(ผสมกับน้ำตาลทรายตั้งไฟให้เดือดพักให้เย็น)
 

นวดเนื้อลูกตาลกับแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน แล้วค่อยๆเติมกะทิที่เคี่ยวไว้จนหมด 

4. ขั้นตอนรองสุดท้ายให้ตักแป้งที่ผสมแล้วใส่กระทงหรือถ้วยตะไล โรยมะพร้าว แล้วนึ่งให้สุกยกลงถ้าใส่ถ้วยตะไลรอให้เย็นก่อนแล้วจึงนำออกจากถ้วยจัดใส่ภาชนะ


BYE . . . BYE